สรุปรายได้หนังไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555
เรื่องปกติอย่างหนึ่งของวงการหนังไทยที่ถูกปฏิบัติสืบต่อกันมาจนเป็นวิสัยแล้วนั่นก็คือ
"ถ้าเป็นไปได้อย่าพยายามส่งหนังไทยออกมาลงโรงในช่วงซัมเมอร์เด็ดขาด"
เนื่อง
จาก "ซัมเมอร์"
เป็นช่วงเวลาที่หนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์หลากหลายเรื่อง
ต่างตบเท้าเข้ามากินตลาดในเมืองไทยกันอย่างสนุกสนานสำหรับปีนี้ก็หนีไม่พ้น
วังวนเดิมฮอลลีวู้ดส่งออกหนังฟอร์มยักษ์รวมซุปเปอร์ฮีโร่"ดิ อเวนเจอร์ส", "แบทเทิ่ลชิพ", "แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์"
และอื่นๆอีกมากมายที่เข้าฉายในปีนี้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หนังไทยจะตัดสินใจหลบหนังฟอร์มยักษ์ทุนสร้างมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ในแต่ละปี
ทำ
ให้ตอนนี้อาจจะพอเรียกได้(แม้จะไม่เต็มปาก)ว่าเป็นช่วงพักผ่อนของวงการหนัง
ไทยหลังผ่านช่วงไตรมาสแรกที่แข่งขันกันอย่างร้อนแรงเลยก็ว่าได้
ดัง
นั้นวันนี้ประชาชาติธุรกิจออนไลน์จึงถือโอกาสที่หนังไทยกำลังพักผ่อนมาสรุป
ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรก(นับรวมหนังที่เข้าฉายในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของ
ปี2554)ที่ผ่านมากันสักหน่อยว่ามีใครประสบความสำเร็จหรือเจ็บตายกันบ้าง
โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านดูเหมือนว่าหนังไทยประเภท "โรแมนติก
และโรแมนติก-คอมมาดี้" จะได้รับความนิยมจากค่ายหนังมากเป็นพิเศษ
โดยส่วนหนึ่งอาจจะมาจากสาเหตุที่อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แห่งความรัก เพราะเพียงแค่ 3
เดือนแรกก็มีหนังแนวนี้เข้าโรงฉายมากถึง 13 เรื่องด้วยกัน ซึ่งนับว่าเยอะมากทีเดียว
เพียงแต่หนังที่สามารถทำรายได้เกินสิบล้านนั้นมีเพียงแค่ 5
เรื่องเท่านั้นนั่นก็คือ "ATM เออรัก..เออเร่อ"
จากค่าย GTH ที่แม้เสียงชมเรื่องความฮาของเนื้อเรื่อง และจังหวะมุขตลกรับส่งของทีมนักแสดงจะเคมีกันดี
แต่หนังก็ถูกวิจารณ์เรื่องบทและเนื้อเรื่องที่ออกจะมั่วอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นหนังจีทีเอชที่มีการวางแผนก่อนการสร้าง การจับกระแส
และวิจัยข้อมูลมาอย่างดีถึงตลาดคนดูหนังไทยในขั้นตอนก่อนการสร้าง
ทำให้หนังขึ้นไปยืนอยู่ในอันดับที่หนึ่งของบ็อกออฟฟิศหนังไทยด้วยรายได้ 150 ล้านบาท
ตามมาด้วยหนังตระกูลสวีทตี้ของผู้กำกับถนัดงานตลกอีกคน "ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์" อย่าง "ส.ค.ส. สวีทตี้"(83 ล้านบาท) และ "วาเลนไทน์ สวีทตี้" (59 ล้านบาท)
ที่มีคณะนักแสดงวัยรุ่นรวมตัวกันไม่น้อยทำรายได้รวมกันถึง 142 ล้านบาท ส่วนอีก 2
เรื่องที่เหลือเป็นหนังจากค่ายสหมงคล ฟิล์ม อย่าง "รักสุดทีน"
และ "รักเว่ยเฮ้ย" ที่ทำเงินได้ 14 ล้านบาทและ 13
ล้านบาทตามลำดับ
อีก 8
เรื่องที่เหลือแม้บางเรื่องจะไม่เจ็บหนักแต่รายได้กลับไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไหร่นัก ยกตัวอย่าง "รักสุดท้ายป้ายหน้า"
ของค่ายไฟว์สตาร์ที่ยังวนอยู่กับพล็อตผู้หญิงโสดวัยทำงานเดิมๆจนทำรายได้ไปเพียงแค่ 9 ล้านบาทเท่านั้น
เช่นเดียวกับ "The Melody รักทำนองนี้" ของสหมงคล ฟิล์ม
ที่เหมือนจะขายเพียงฉากหลังที่สวยงามของแม่ฮ่องสอนเท่านั้นก็ทำรายได้ไป 6 ล้านบาท ในขณะที่หนังดีอย่าง
"ไม่ได้ขอให้มารัก" (It Gets Better) ก็ทำไปได้ 6
ล้านบาทเท่ากัน
แต่หนังที่น่าจะเจ็บก็น่าจะเป็น "รัก (An
Ordinary Love Story)" ของ "Magical Love" ที่ทำรายได้ไปเพียง 5 แสนบาท
และที่เจ็บหนักคือ
"รักเลี้ยวเฟี้ยวว!! (อ่ะ)" ของ "IPM Film" ที่แม้จะมีพระเอก-นักร้อง จอนนี่-หลุยส์
และนักแสดงแนวเรียกเสียงฮาในจอแก้วมาลงจอเงิน แต่หนังก็ทำรายได้ไปเพียงแค่ 8
หมื่นบาท
นอกจากหนังรักแล้วก็ยังมีหนังผีหลงเข้ามาชิงตลาดในไตรมาสแรกอยู่ 3
เรื่อง ได้แก่ "407 เที่ยวบินผี", "ตำนานรัก แม่นาค 3D" และ
"แก๊งตบผี"
ในเรื่องรายได้นั้นก็ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่กับเม็ดการลงทุนไป
เนื่องจากเที่ยวบินผีทำได้เพียงแค่ 34 ล้านบาท ส่วนแม่นาค3D ก็ได้มา 13 ล้านบาท
ด้านแก๊งตบผียิ่งช้ำหนักเพราะได้เงินไปเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนหนังแนวอื่นๆอย่าง
"ปัญญา-เรณู 2" ก็ทำรายได้ไปพอสมควร 19 ล้านบาท และ "มึง-กู เพื่อนกันจนวันตาย" ทำไปเพียง 6
ล้านบาทเท่านั้น
ขอบคุณประชาชาติธุรกิจออนไลน์
prachachat.net@gmail.com
No comments:
Post a Comment